โรคภูมิแพ้ คือ ภาวะที่ร่างกายมีการตอบสนองสิ่งกระตุ้นสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ โดยในคนปกติเมื่อได้รับการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้จะไม่มีอาการ แต่ในบุคคลที่เป็นโรคภูมิแพ้เมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้จะแสดงอาการความผิดปกติออกมา ซึ่งสารก่อภูมิแพ้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ

1. สารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนสุนัข ขนแมว เกสรดอกหญ้า เชื้อรา

สามารถแบ่งย่อยได้อีกเป็น 2 กลุ่ม คือ

• กลุ่มสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน
• กลุ่มสารก่อภูมิแพ้นอกบ้าน

2. สารก่อภูมิแพ้ทางอาหาร เช่น นม ไข่ แป้งสาลี ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง อาหารทะเล

สามารถแบ่งย่อยได้อีกเป็น 2 กลุ่ม คือ

• กลุ่มที่หายได้เมื่อโตขึ้น เช่น นมวัว ไข่ขาว ถั่วเหลือง แป้งสาลี
• กลุ่มที่มีอาการแพ้ตลอดไป เช่น อาหารทะเล

โรคภูมิแพ้ในเด็ก มีความแตกต่างกับผู้ใหญ่ หรือไม่ ?

โดยส่วนใหญ่พบว่าภูมิแพ้มักเป็นตั้งแต่เด็ก ในแต่ละช่วงอายุร่างกายจะแสดงอาการออกมาไม่เหมือนกัน เช่น ในกลุ่มที่เป็นเด็ก หรือ ทารก จะมีอาการภูมิแพ้ทางผิวหนัง หรือ แพ้อาหาร เมื่ออายุเพิ่มขึ้นประมาณ 2 ขวบ อาการภูมิแพ้เหล่านี้อาจหายไป แต่กลับพบมีอาการภูมิแพ้ชนิดอื่นเพิ่มขึ้นมาได้ เช่น  ภูมิแพ้อากาศ ทำให้มีอาการหอบหืด จมูกอักเสบ ในกลุ่มที่เป็นผู้ใหญ่ อาจพบอาการภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดลมพิษ จมูกอักเสบ ในสัดส่วนที่สูงขึ้น

โรคภูมิแพ้ ที่พบบ่อยมีด้วยกัน 3 ระบบ

1. ระบบทางผิวหนัง มีอาการผื่นแห้งแดงคัน ผื่นลมพิษ
2. ระบบทางเดินหายใจ มีอาการหอบหืด ไอ หายใจมีเสียงวี้ด หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก  น้ำมูก คัน จาม คัดจมูก
3. ระบบทางเดินอาหาร มักพบในเด็กเล็ก เช่น กินนมแล้วถ่ายเป็นมูกปนเลือด ในบางรายหากแพ้อาหารรุนแรง ร่างกายจะแสดงอาการแพ้ได้หลายระบบขึ้นมาพร้อมๆ กัน

จะเห็นได้ว่า โรคภูมิแพ้ในเด็ก สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน และ อาจส่งผลระยะยาวไปถึงโตเป็นผู้ใหญ่ในบางกรณี ดังนั้น ผู้ปกครองไม่ควรเพิกเฉย หรือ มองข้ามสิ่งรอบตัว ควรสังเกตอาการลูกๆ อยู่เสมอ หากมีอาการควรพบแพทย์ทันที เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี