รู้จักโรคมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV หรือ Human Papilloma Virus สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งผู้หญิงถึงร้อยละ 80 ติดเชื้อ HPV ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต โดยไวรัสดังกล่าวจะใช้เวลาเฉลี่ย 5 – 10 ปี ในการเปลี่ยนแปลงเซลล์ปากมดลูกให้กลายเป็นมะเร็งปากมดลูก การติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่มีเชื้อ HPV นอกจากนี้ เชื้อ HPV ยังสามารถก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่นๆ เช่น มะเร็งทวารหนัก รวมถึงหูดหงอนไก่ ได้อีกด้วย สามารถพบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิงวัย 30 - 55 ปี อาการแสดงของมะเร็งปากมดลูกโดยเริ่มแรกมักไม่แสดงอาการจนกว่าโรคจะพัฒนาไปถึงขั้นร้ายแรง อาจมีภาวะน้ำหนักตัวลด อ่อนเพลีย ปวดเชิงกรานและหลัง ขาบวมข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ตลอดจนมีอาการท้องผูกและปัสสาวะเป็นเลือด อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปวดหลังและปัสสาวะหรืออุจจาระลำบาก
นอกจากนี้ เชื้อ HPV ยังทำให้เกิดหูดหงอนไก่ โดยผู้ป่วยอาจไม่มีอาการผิดปกติใดๆ นานนับปี จนเมื่อมีก้อนโตมากไปอุดกั้นช่องคลอด ทวารหนัก หรือท่อปัสสาวะ จนเกิดอาการคันและปวด บางรายอาจมีเลือดออก ตกขาวผิดปกติ และแสบร้อนที่อวัยวะเพศ อย่างไรก็ตาม มะเร็งปากมดลูกเป็นหนึ่งในมะเร็งที่ป้องกันได้และการป้องกันสามารถทำได้ง่ายกว่าการรักษา เพียงเข้ารับการตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear หรือ Pap Test) และฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV
ใครควรฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก HPV
การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก สามารถฉีดได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยแนะนำให้ฉีดในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9-45 ปี และผู้ชายควรฉีดวัคซีนในช่วงอายุ 9-26 ปี หากได้รับวัคซีนก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกและร่างกายอยู่ในวัยที่สร้างภูมิคุ้มกันได้ดีจะทำให้ได้รับประสิทธิภาพจากวัคซีนสูงสุด ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แล้วก็สามารถฉีดได้ แต่ประสิทธิภาพอาจจะลดลงทำให้ได้ผลดีไม่เท่ากับผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก มีกี่ชนิด
ปัจจุบันในประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 2 ชนิด คือ
ซึ่งวัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้ สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ18 ได้ถึง 70% ส่วนวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6 และ 11 เพิ่มเติม ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนักในเด็กผู้ชายได้ด้วย
วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ต้องฉีดกี่เข็ม
การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปาดมดลูก HPV ต้องฉีดให้ครบทั้งหมด 3 เข็ม โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยแบ่งตามชนิด ดังนี้
เข็มที่ 1 - วันที่ต้องการฉีด เข็มที่ 2 - หลังจากเข็มแรก 2 เดือน เข็มที่ 3 - หลังจากเข็มแรก 6 เดือน
เข็มที่ 1 - วันที่ต้องการฉีด เข็มที่ 2 - หลังจากเข็มแรก 1 เดือน เข็มที่ 3 - หลังจากเข็มแรก 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส จะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน หลังจากได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม ส่วนระยะเวลาในการป้องกันโรคของวัคซีนยังคงต้องติดตามผลต่อไป เนื่องจากวัคซีนยังไม่มีข้อมูลประสิทธิผลของวัคซีนยาวเกินกว่า 10 ปี และเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฉีดวัคซีน HPV ควรได้รับวัคซีนตั้งแต่ยังไม่ติดเชื้อ HPV นั่นคือก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
หมายเหตุ : ในเด็กหรือวัยรุ่นก่อนอายุ 15 ปี ให้ฉีดเพียง 2 เข็ม โดยฉีดห่างกัน 6-12 เดือน (จากเข็มแรก)
อาการข้างเคียง หลังฉีดวัคซีน
โดยทั่วไปมักไม่ค่อยพบอาการข้างเคียงที่รุนแรง อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อยเกิดขึ้นได้ เช่น อาการปวดบวม หรือแดงบริเวณที่ฉีดวัคซีน ไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หรือปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งเกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้เอง
หากลืมมาฉีดวัคซีนตามนัด ทำอย่างไร
ในกรณีที่ลืมมารับวัคซีนตามตารางนัด สามารถฉีดเข็มถัดไปได้โดยไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด
ชนิด 4 สายพันธ์
(แต่ต้องห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 4 เดือน)
ชนิด 2 สายพันธ์
(แต่ต้องห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 5 เดือน)
ถึงแม้ท่านจะฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกแล้ว อย่างไรก็ตาม การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากวัคซีนดังกล่าวสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV เฉพาะสายพันธุ์ที่ระบุในวัคซีนนั้นๆ เท่านั้น ไม่สามารถป้องการติดเชื้อจากสายพันธุ์ที่นอกเหนือจากที่อยู่ในวัคซีนได้
เอกสารอ้างอิง:
ขอบคุณภาพประกอบจาก freepik